เคล็ดลับการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเพื่อสุขภาพที่ดี

พฤติกรรมการกินเพื่อสุขภาพที่ดี เชื่อหรือไม่ว่า เมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้น สุขภาพร่างกายต่าง ๆ ของเราก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ หรือดังคำที่ว่า ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

เพราะเนื่องจากโณคภัยไข้เจ็บในสมัยปัจจุบันนี้อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เรานั้นจะต้องหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ

ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์อยู่เป็นประจำ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม จนทำให้ร่างกายนั้นได้รับผลกระทบต่าง ๆ ตามมาได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมากที่สุด ยิ่งถ้าใครที่อยากเริ่มหันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดี

จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ควรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยนี้มักที่จะมองหาวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดี

ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหาร  ถ่านเครื่องช่วยฟัง   เพื่อสุขภาพอย่างไรให้มีความเหมาะสมมากที่สุด จะมีเคล็ดลับอะไรกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย

1.การปรับเปลี่ยนนิสัยการกิน

แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม หรือเรียกง่าย ๆ เลยก็คือตามใจปาก ซึ่งการที่เราตามใจปากมากเกินไปนั้นจะยิ่งทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบอย่างหนัก ฉะนั้น ทางที่ดีเราควรที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยการกินของเราให้มีความเหมาะสม เลือกแต่สิ่งดี ๆ ให้แก่ร่างกาย หรือเลือกรับประทานอาหารให้มีความสม่ำเสมอมากที่สุด เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีนั่นเอง 

2.การอร่อยกับอาหารแปลกใหม่

เนื่องจากอาหารส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มีหลากหลายเมนูให้เราได้เลือกทานกันเป็นอย่างมาก ซึ่งหากเราอยากที่จะมีพฤติกรรมการกินที่เหมาะสมเราก็ควรที่จะสนุกกับการรับประทานอาหารที่แปลกใหม่ หรือควรที่จะปรับสัดส่วนของอาหารให้มีความอร่อยถูกปากมายิ่งขึ้น รับรองได้เลยว่านอกจากจะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีได้แล้ว ยังทำให้เรานั้นมีพฤติกรรมการกินที่เหมาะสมอีกด้วย 

3.การเลือกกินอย่างฉลาด

คนที่เขาอยากมีสุขภาพร่างกายที่ดร หรืออยากสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ตนเองนั้น เขาจะเลือกแต่สิ่งที่ดีให้แก่ร่างกาย หรือเลือกกินอย่างฉลาด รู้จักสิ่งที่ดีต่อร่างกาย หรือรู้จักปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดนั่นเอง 

3 วิธีแก้ปัญหาสิวอุดตันบนใบหน้า

สิวบนใบหน้า ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่สาว ๆ ส่วนใหญ่นั้นหนักใจกันเป็นอย่างมาก แถมยังเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำเอาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ส่วนใหญ่กลุ้มใจกันเป็นอย่างมาก

ซึ่งต้องบอกก่อนว่าสิวที่ขึ้นบนใบหน้าของเรานั้นอาจเกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การเลือกรับประทานอาหาร หรือแม้แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และเครื่องสำอางบางประเภท เพราะผิวของคนเรานั้นจะแตกต่างกันออกไป

บางคนมีผิวที่แพ้ง่าย หรือบางคนมีผิวที่แห้ง ซึ่งก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ถึงแม้จะเป็นปัญหาที่สาว ๆ

ส่วนใหญ่มักที่จะพบเจอกันอยู่บ่อย ๆ และหลาย ๆ คนมักที่จะมองหาวิธีในการแก้ไขปัญหานี้อยู่ ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาสิวขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิ่วอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับสาว ๆ

วิธีแก้ปัญหาสิวอุดตันบนใบหน้า สามารถกลับมามั่นใจในการใช้ชีวิตได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นวิธีง่าย ๆ จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย 

1.หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นสิว

เนื่องจากในสมัยปัจจุบันนี้ มีหลายสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นตัวที่คอยกระตุ้นให้หน้าของเราเป็นสิวได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น อาหารบางประเภท ผลิตภัณฑ์บางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีสชาติจัดจ้าน อาหารมัน ๆ ทอด ๆ อาหารที่อุดมไปด้วยน้ำตาล ซึ่งอาหารต่าง ๆ เหล่านี้ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารที่หลาย ๆ คนชอบทาน แต่รู้หรือไม่ว่า อาหารต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเราเกิดสิวได้ง่าย แถมยังเป็นตัวที่คอยกระตุ้นการเกิดสิวอีกด้วย 

2.การหลีกเลี่ยงจากแสงแดด

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า แสงแดดนั้นเป็นตัวที่คอยทำร้ายผิวของเรา ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ผิวของเราเกิดฝ้า หรือสิวได้นั่นเอง ดังนั้น เพื่อลดปัญหาการเกิดสิวอุดตันบนใบหน้าทางที่ดีควรที่จะหลีกเลี่ยงผิวของเราจากแสงแดด หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ควรที่จะปกป้องผิวหน้าของเราจากแสงแดดด้วยทางครีมบำรุง หรือทากันแดดที่มีส่วนช่วยในการปกป้องผิวของเราได้ 

3.การพักผ่อนให้เพียงพอ

รู้หรือไม่ว่าอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเราเป็นสิวได้นั้นก็คือ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ยิ่งถ้าเรามีพฤติกรรมการนอนน้อยเป็นประจำนั้น นอกจากจะทำให้ผิวหน้าของเราดูโทรมแล้ว ยังอาจเกิดสิวขึ้นได้ง่ายอีกด้วย ดังนั้น เพื่อลดการเกิดสิว ควรที่จะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตามความต้องการของร่างกาย และที่สำคัญเราไม่ควรที่จะเครียด เพราะความเครียดเป็นหนึ่งสาเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพนั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

อาหารดีๆ กินบ่อยๆช่วยบรรเทาความเครียด

ช่วยบรรเทาความเครียด เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมเวลาที่เราเครียดนั้นร่างกายของเรามักที่จะมองหาสิ่ง จะช่วยบรรเทาความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหาร รสชาติหวานหวาน อาหารรสชาติเปรี้ยวเปรี้ยว หรือแม้แต่ของโปรดที่หลายๆคนนั้นชื่นชอบ เพราะหลายคนอาจจะมองว่า

การที่เรามีความเครียดและหากเราได้รับประทานอาหารที่ตนเองชื่นชอบนั้นถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเครียดและทำให้เรามีความสุขได้

เพราะการที่เราได้รับประทานอาหารอร่อยอร่อยนั้นจะทำให้ร่างกายของเราหลั่งฮอร์โมนความสุขออกมาทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและไม่เครียดจึงทำให้หลายๆคนมักที่จะมองหาอาหาร เพื่อที่จะช่วยบรรเทาความเครียดนั่นเอง และอาหารในสมัยปัจจุบันนี้ก็มีมากมายหลากหลาย

ให้เราได้เลือกรับประทานก็มีทั้งมีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่กำลังมีความเครียดกับการใช้ชีวิตและ ชื่นชอบการรับประทานอาหารอยู่แล้ว

วันนี้เราก็จะมาแนะนำอาหารดีๆที่หากเราทานบ่อยๆนั้นนอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราแล้วยังมีส่วนช่วยบรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะการไม่เครียดถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างไปดูกันเลย

1.ดาร์กช็อกโกแลต

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่หลายๆคนนั้นไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะมองอาหารประเภทนี้เป็นอาหารที่ทำให้เราอ้วนได้ง่ายแต่ในความเป็นจริงแล้วดาร์กช็อกโกแลตถือเป็นอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่กำลังเครียดการที่เราได้รับประทานดาร์กช็อกโกแลตเป็นประจำนั้นจะช่วยบรรเทาความเครียดและทำให้เรานั้น อารมณ์ดีได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

2.ถั่วแระญี่ปุ่น

รู้หรือไม่ว่าอาหารประเภทนี้อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ค่อนข้างสูงมากๆ แถมยังมีโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วยซึ่งก็ถือเป็นอาหารที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนักอีกด้วย แต่ในความเป็นจริงถั่วแระญี่ปุ่นนั้นมีประโยชน์ที่สามารถบรรเทาความเครียดได้ แถมยังเป็นอาหารที่อร่อยหากเรารับประทานนั้นจะยิ่งทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้นั่นเอง

3.ชาเขียวมัทฉะ

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่หลายคนชื่นชอบกันเป็นอย่างมากเพราะหลายคนอาจจะรู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าชาเขียวมัทฉะ เป็นอาหารมากคุณประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถช่วยบรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดี เพราะในชาเขียวนั้นจะอุดมไปด้วยสารที่มีส่วนช่วยในการ กระตุ้นการทำงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น แถมยังช่วยบรรเทาความเครียดและทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟัง

แนะนำอาหารลดไขมันในเลือด สุขภาพดี ๆ ที่เราไม่ควรมองข้าม

รู้หรือไม่ว่าการที่ร่างกายของเรานั้นมีไขมันสะสมเยอะ ๆ ถือเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพร่างกายที่เราควรให้ความสำคัญ

เพราะปัญหาการที่เราไม่ไขมันในเลือดสูง ถือเป็นหนึ่งในผลกระทบที่อาจส่งผลต่อร่างกายของเรา รวมไปถึงอาจส่งผลกระทบไปยังการใช้ชีวิตได้อีกด้วย

และแน่นอนว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเลือกรับประทานอาหาร ซึ่งหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

เพราะอาหารส่วนใหญ่ในสมัยนี้มีรสชาติที่ถูกปาก จึงทำให้คนส่วนใหญ่ชื่นอบการทานอาหาอร่อย ๆ หรือทานอาหารที่ตามใจปากของตนเอง

ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เราทานอาหารตามใจปากบ่อย ๆ นั้นจะยิ่งทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ง่าย รวมไปถึงมีโอกาสสูงมากที่เราจะเป็นโรคไขมันอุดตัน

ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ เหล่านี้ การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม

แนะนำอาหารลดไขมันในเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมีไขมันอุดตัน หรือมีไขมันในเลือดสูง

ฉะนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีส่วนช่วยในการลดการสะสมของไขมัน ช่วยลดไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

1.การเจี๊ยบแดง

เป็นหนึ่งในอาหารที่เรียกได้ว่าสามารถช่วยลดการสะสมของไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี เพราะกระเจี๊ยบแดงนั้นเป็นพืชที่มีส่วนช่วยในการละลายไขมันได้ ช่วยลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ให้ลดลงได้ และที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัได้ ดังนั้น หสกใครที่กำลังมองหาอาหารที่สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้ ขอบอกเลยว่ากระเจี๊ยบถือเป็นหนึ่งอาหารที่ตอบโจทย์มาก ๆ 

2.มะเขือยาว

หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้ยินอาหารประเภทนี้ แต่รู้หรือไม่ว่า สรรพคุณของมะเขือยาวนั้นเรียกได้ว่าดีต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะนอกจาจะสามารถนำมาทานคู่กับน้ำพริกได้แล้ว ยังมีประโยชนืที่สามารถช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำมันให้ลดน้อยลงได้อีกด้วย ซึ่งผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัว หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิต หากทานมะเขือยาวเป็นประจำนั้นจะยิ่งดีต่อร่างกาย 

3.น้ำขิง

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า น้ำขิงนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แถมยังมีสรรพคุณทางยาที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยรักษาอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อร่างกาย ช่วยลดความอ้วนได้ และที่สำคัญมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี ช่วยดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ รับรองได้เลยว่า หากใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการลดไขมันในเลือด การดื่มน้ำขิงเป็นประจำนั้นช่วยได้อย่างแน่นอน 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล

3 อาหารที่คุณควรหลีกเลี่ยงหากเป็นกรดไหลย้อน

หลีกเลี่ยงหากเป็นกรดไหลย้อน  โดยอาการกรดไหลย้อนเป็นหนึ่งในอาการที่เรามักจะพบเจอกันอยู่บ่อยๆซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าอาการนี้เป็นหนึ่งในอาการที่ เกิดขึ้นจากการเลือกรับประทานอาหารหรือรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าการนี้จะไม่ค่อยได้มีอาการที่รุนแรงมากนักแต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราเป็นกรดไหลย้อนแหละปล่อยไว้เป็นเวลานานโดยไม่ได้เข้ารับการรักษาอาจทำให้อาการนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น

จนอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้ และแน่นอนว่าการที่เราปรับเปลี่ยนอาหารถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยให้เรานั้นสามารถหลีกเลี่ยงอาการกรดไหลย้อนและช่วยบรรเทาอาการอื่นๆ

ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อที่เราจะได้มีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงแถมยังมี สุขภาพร่างกายที่ปลอดจากโรคร้ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม  เครื่องช่วยฟัง    เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยงการเป็นกรดไหลย้อนหรือคนที่เป็นกรดไหลย้อนอยู่แล้ว

วันนี้เราก็จะมาแนะนำ วิธีนี้เราควรที่จะหลีกเลี่ยงหากเรา กำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการเลือกรับประทานอาหารจะมีอาหารประเภทไหนกันบางทีเราควรจะหลีกเลี่ยงหากเรามีอาการกรดไหลย้อนไปดูกันเลย

1.อาหารทอด

แน่นอนว่าอาหารประเภทนี้จะอุดมไปด้วยน้ำมันที่ค่อนข้างสูง ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายของเราเกิดการสะสมของไขมันและทำให้เราอ้วนได้ง่ายแล้วยังทำให้เรานั้น มีอาการกรดไหลย้อนที่รุนแรงได้มากยิ่งขึ้น เพราะอาหารประเภทนี้จะอุดมไปด้วยไขมันที่ค่อนข้างสูงซึ่งอาจ จะส่งผลกระทบต่อการกดไหลย้อนได้ซึ่งทางที่ดีหากเราเป็น กรดไหลย้อนอยู่แล้วก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้เพื่อไม่ให้อาการนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น

2.มะเขือเทศ

ถึงแม้ว่ามะเขือเทศจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากขนาดไหนก็ตามแต่รู้หรือไม่ว่าสำหรับคนที่มีอาการกรดไหลย้อนแล้วควรที่จะหลีกเลี่ยงมะเขือเทศอย่างเด็ดขาด เพราะการที่เรารับประทานมะเขือเทศในระหว่างที่เราเป็นกรดไหลย้อนนั้นจะอาจจะทำให้กระเพาะอาหารของเราเกิดการระคายเคืองได้ และอาจทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

3.น้ำอัดลม

เนื่องจากน้ำอัดลมนั้นจะอุดมไปด้วยแก๊ส ซึ่งนอกจากจะทำให้กระเพาะอาหารของเราเต็มไปด้วยแก๊สแล้วยังอาจส่งผลกระทบต่อกดไหลย้อนอีกด้วย เพราะไม่เพียงแต่ทำให้เรามีอาการท้องอืด แต่ยังทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนอาจทำให้อาเจียนออกมาได้นั่นเอง ฉะนั้น หากรู้ว่าตัวเองเป็นกรดไหลย้อนควรที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้อาการนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้นและเพื่อสุขภาพร่างกายของตนเอง

รับประโยชน์สูงสุดจากการเป็นสมาชิกยิมของคุณ

รับประโยชน์สูงสุด ข้อเสนอที่ไม่ซ้ำใครในสถานที่ตั้งของเราในเวอร์จิเนีย รับประโยชน์สูงสุดจากการเป็นสมาชิกยิมของคุณ ข้อเสนอที่ไม่ซ้ำใครในสถานที่ตั้งของเราในเวอร์จิเนีย

การได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเป็นสมาชิกโรงยิมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลาย ๆ คน ด้วยข้อเสนอที่ไม่เหมือนใครในสถานที่ตั้งของเราในเวอร์จิเนีย เรามั่นใจว่าคุณสามารถเข้าถึงประสบการณ์การออกกำลังกายที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งอำนวยความสะดวกสุดหรูของเรารองรับผู้ที่กำลังมองหาสภาพแวดล้อมที่หรูหราซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและคลาสที่ทันสมัย

โพสต์บล็อกนี้จะสำรวจแง่มุมต่างๆ ของโรงยิมเวอร์จิเนีย 24 แห่งของเราที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและการออกกำลังกายของคุณ เราจะสำรวจตัวเลือกคลาสสตูดิโอต่างๆ ที่เหมาะกับความสนใจในการออกกำลังกายและประสบการณ์ในยิมทุกระดับ

ตัวเลือกการฝึกส่วนบุคคลและการแสดงระดับโลก สิ่งอำนวยความสะดวกในยิมสุดหรูที่ทำให้เราแตกต่างจากสถาบันอื่นๆ และอุปกรณ์การฝึกน้ำหนักที่ทันสมัย     

เครื่องช่วยฟัง    ในตอนท้ายของบทความนี้เกี่ยวกับการรับประโยชน์สูงสุดจากการเป็นสมาชิกยิมของคุณ: ข้อเสนอที่ไม่ซ้ำใครที่สถานที่ตั้งของเราในเวอร์จิเนีย คุณจะอยากเยี่ยมชมสถานที่ Onelife Fitness VA ใกล้บ้านคุณ อย่าลังเลที่จะติดต่อเราวันนี้! โรงยิมเวอร์จิเนีย 24 แห่งเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและฟิตเนสของคุณ

โดยที่ Onelife Fitness เราเข้าใจถึงความสำคัญของความสะดวกสบายและการเข้าถึงเมื่อรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี นั่นเป็นเหตุผลที่เราภูมิใจเสนอสถานที่ออกกำลังกาย 24 แห่งทั่วเวอร์จิเนีย เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะพบศูนย์ออกกำลังกายที่ทันสมัยใกล้บ้านหรือที่ทำงานของคุณ ด้วยสถานที่ที่มีอยู่มากมาย ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ที่จะไม่มีเวลาออกกำลังกาย

ประโยชน์ที่สำคัญประการหนึ่งของการเข้าถึงสถานที่ออกกำลังกายหลายแห่งคือความยืดหยุ่นในการจัดตารางออกกำลังกายตามชีวิตและตารางเวลาที่วุ่นวายของคุณ

ไม่ว่าคุณจะต้องการออกกำลังกายตอนเช้าตรู่ก่อนเข้าออฟฟิศ หรือต้องการผ่อนคลายด้วยเซสชั่นตอนเย็นหลังเลิกงาน สิ่งอำนวยความสะดวกของเราก็พร้อมสำหรับคุณ ความหลากหลายสถานที่แต่ละแห่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่ซ้ำกันและชั้นเรียนที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของสมาชิก ทำให้คุณมีทางเลือกมากมายในการเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณ

โอกาสทางสังคม การเข้าใช้โรงยิมต่างๆ ทำให้คุณได้พบกับผู้คนใหม่ๆ ที่มีเป้าหมายและความสนใจในการออกกำลังกายเหมือนกัน ความคุ้นเคย ในฐานะสมาชิกของสถานที่ตั้งในเวอร์จิเนียของเรา คุณจะได้รับมาตรฐานการบริการและคุณภาพอุปกรณ์ที่สม่ำเสมอในทุกไซต์

นอกจากข้อดีเหล่านี้แล้ว การเป็นสมาชิกที่ Onelife Fitness ยังให้สิทธิ์เข้าถึงกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น งานระดมทุนเพื่อการกุศล ปาร์ตี้ออกกำลังกายตามธีม โปรแกรมสุขภาพ และการสัมมนาด้านการศึกษาที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม

ลดความเสี่ยงมะเร็ง

ลดความเสี่ยงมะเร็ง คนอาจกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งโดยการปกป้องเซลล์จากความเสียหาย การมีอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง แต่สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระเพื่อลดโอกาสในการเกิดโรคนี้ สารพฤกษเคมีหลายชนิดที่พบในผลไม้ ผัก ถั่ว และพืชตระกูลถั่วทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

รวมทั้งเบต้าแคโรทีน ไลโคปีน และวิตามินเอ ซี และอี จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มีการศึกษาในห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลองที่เชื่อมโยงสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดกับการลดอุบัติการณ์ของความเสียหายจากอนุมูลอิสระเนื่องจากมะเร็ง

อย่างไรก็ตาม การทดลองในมนุษย์ยังหาข้อสรุปไม่ได้ และแพทย์แนะนำไม่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้โดยไม่ปรึกษาก่อน

อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงได้แก่

  • ผลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่และราสเบอร์รี่
  • สีเขียวเข้มใบ
  • ฟักทองและแครอท
  • ถั่วและเมล็ด

การมีโรคอ้วนอาจเพิ่มความเสี่ยงของบุคคลในการเป็นมะเร็งและส่งผลให้ผลลัพธ์แย่ลง การรักษาน้ำหนักในระดับปานกลางอาจลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ ในการศึกษาปี 2014 นักวิจัยพบว่าอาหารที่อุดมด้วยผลไม้ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งทางเดินอาหารส่วนบน พวกเขายังพบว่าอาหารที่อุดมด้วยผักผลไม้และไฟเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ในขณะที่อาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งตับ

อารมณ์ดีขึ้น หลักฐานบางอย่างชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างอาหารและอารมณ์ ในปี พ.ศ. 2559 นักวิจัยพบว่าการรับประทานอาหารที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้อาการซึมเศร้าและความเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้นในผู้ที่มีโรคอ้วนแต่มีสุขภาพที่ดี อาหารที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงรวมถึงคาร์โบไฮเดรตขัดสีจำนวนมาก เช่น ที่พบในน้ำอัดลม เค้ก ขนมปังขาว และบิสกิต ผัก ผลไม้ทั้งเมล็ด

และเมล็ดธัญพืชมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า การวิจัยล่าสุดยังพบว่าอาหารสามารถส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และไมโครไบโอมในลำไส้ ซึ่งอาจส่งผลต่ออารมณ์ของบุคคล นักวิจัยยังพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงระหว่างอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น อาหารเมดิเตอร์เรเนียน และสุขภาพจิตที่ดีขึ้น  เครื่องช่วยฟังราคาถูก ในขณะที่อาหารที่มีเนื้อแดง อาหารแปรรูป และไขมันสูงในปริมาณสูงนั้นตรงกันข้าม

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่านักวิจัยได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกที่เชื่อมโยงอาหารและสุขภาพจิต หากบุคคลใดสงสัยว่าตนเองมีอาการของโรคซึมเศร้า การพูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตอาจช่วยได้

หน่วยความจำที่ดีขึ้น อาหารที่ดีต่อสุขภาพอาจช่วยรักษาความรู้ความเข้าใจและสุขภาพของสมอง อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการวิจัยเชิงสรุปเพิ่มเติม การศึกษาในปี 2558 ระบุสารอาหารและอาหารที่ป้องกันการเสื่อมของความรู้ความเข้าใจและภาวะสมองเสื่อม นักวิจัยพบว่าสิ่งต่อไปนี้เป็นประโยชน์

  • วิตามินดี ซี และอี
  • กรดไขมันโอเมก้า-3
  • ฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอล
  • ปลา
  • ท่ามกลางอาหารอื่น ๆ อาหารเมดิเตอร์เรเนียนมีสารอาหารเหล่านี้มากมาย

ประสิทธิผลของการฉีดลิโดเคน

ประสิทธิผลของการฉีดลิโดเคน ในการศึกษาย้อนหลังนี้ ผู้เขียนได้วิเคราะห์เวชระเบียนของผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรังชนิดดื้อยา 609 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ Jefferson Headache Center

ผู้ป่วยทุกรายได้รับยาลิโดเคนทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่องร่วมกับการรักษาไมเกรนอื่นๆ รวมถึงแมกนีเซียม เมทิลเพรดนิโซโลน คีโตโรแลค (NSAID) และยาระงับประสาท ในระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล นักวิจัยบันทึกความรุนแรงของความเจ็บปวด

สำหรับผู้ป่วยแต่ละรายโดยใช้มาตรวัดรายงานตนเอง 11 จุด โดย 10 คะแนนคือระดับสูงสุด และ 0 คือไม่มีความเจ็บปวด ผู้ป่วยได้รับยาลิโดเคนเป็นเวลาประมาณ 5-7 วัน ส่งผลให้ระดับความปวดเฉลี่ยลดลงจาก 7 เมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเหลือ 1 เมื่อออกจากโรงพยาบาล เกือบ 88% ของผู้ป่วยแสดงระดับความเจ็บปวดที่ลดลงอย่างน้อย 2 คะแนนในช่วงระยะเวลาการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งเรียกว่าการตอบสนองแบบเฉียบพลัน

ยิ่งไปกว่านั้น 43% ของผู้เผชิญเหตุแบบเฉียบพลันแสดงให้เห็นว่าความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระหว่างการเยี่ยมสำนักงานหลังออกจากโรงพยาบาลประมาณ 1 เดือน

หลังการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยโรคไมเกรนเรื้อรังยังรายงานจำนวนวันปวดศีรษะในเวลาที่มาตรวจติดตามผลน้อยกว่าก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับการให้ยาลิโดเคนสามารถทนได้ โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน จังหวะการเต้นของหัวใจแปรปรวน และประสาทหลอน

ดร. Schwenk ตั้งข้อสังเกตว่า “ข้อค้นพบจากการศึกษานี้สนับสนุนประสิทธิภาพของการทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม

โดยเปรียบเทียบการฉีดยา lidocaine กับยาหลอก นี่คือมาตรฐานทองคำทางการแพทย์และควรเป็นขั้นตอนต่อไปนอกจากนี้ ควรมีการนำเสนอยาลิโดเคนที่ศูนย์ปวดศีรษะทั่วประเทศสำหรับผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรังชนิดทนไฟ เนื่องจากตัวเลือกมีจำกัดมาก” ดร. ริชาร์ด สตาร์ค นักประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโมนาช เมลเบิร์น กล่าวกับ MNT ว่า “การรักษาใดๆ

ที่สามารถลดภาระความทุพพลภาพในผู้ป่วยไมเกรนชนิดดื้อต่อการรักษาได้”ลิโดเคนทางหลอดเลือดดำถูกนำมาใช้ในศูนย์เฉพาะทางจำนวนค่อนข้างน้อย

สำหรับการรักษาความผิดปกติของอาการปวดศีรษะที่ไม่เอื้ออำนวยและได้รับการยกย่องจากผู้ที่ใช้มันเป็นตัวเลือกการรักษาที่มีค่ามาก”ข้อสรุปของบทความนี้สอดคล้องกับประสบการณ์ของฉัน: อย่างน้อยการรักษาก็ได้ผลในระดับปานกลางในผู้ป่วยที่ไม่มีอะไรได้ผล

ข้อจำกัด ผู้เขียนรับทราบว่าการศึกษามีข้อจำกัดบางประการ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยบางรายไม่ได้รายงานการเข้ารับการตรวจติดตามผลที่สำนักงาน ทำให้ข้อมูลขาดหายไป นักวิจัยยังไม่สามารถอธิบายถึงยาที่ใช้ก่อนเข้ารับการวิเคราะห์ได้ Dr. Werner Becker ศาสตราจารย์เกียรติคุณแห่งมหาวิทยาลัย Calgary ในอัลเบอร์ตา

ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวิจัย กล่าวกับ MNT ว่า “การศึกษาเป็นการทบทวนแผนภูมิย้อนหลัง ดังนั้นจึงไม่มีกลุ่มควบคุม และไม่มีข้อมูลที่ขาดหายไป เนื่องจากการศึกษาไม่ได้ปกปิด ไม่ได้ควบคุมด้วยยาหลอก และในความเป็นจริงไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบ ระดับของหลักฐานที่ได้จากการศึกษานี้จึงอ่อนแอ”

อย่างไรก็ตาม” ดร. เบกเกอร์กล่าวเสริม “ไมเกรนเรื้อรังที่ดื้อต่อการรักษาเป็นสิ่งที่ทุพพลภาพและรักษาได้ยาก ดังนั้นการศึกษานี้จึงยังคงเป็นส่วนสำคัญในเอกสารการวิจัยสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้”

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังฟรี

คาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะทำให้สมองตื่นตัวนานกว่ากาแฟ 

คาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะ  เชื่อว่าใครหลายๆคนมักจะมีการดื่มเครื่องดื่มเพื่อให้สมองของตนเองตื่นตัวพร้อมกับการทำงานอยู่ตลอดเวลาหรือแม้แต่บางคนที่รู้สึกง่วงนอนก็อยากจะกินเครื่องดื่มที่ทำให้สมองตื่นตัวซึ่งเครื่องดื่มดังกล่าวนั้นจะต้องมีส่วนผสมของคาเฟอีนโดยส่วนใหญ่แล้วก็คือกาแฟนั่นเอง

    เรียกได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่แทบจะไม่สามารถขาดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนได้เพราะต้องการที่จะให้คาเฟอีนนั้นไปกระตุ้นการทำงานของสมองทำให้ทำงานได้ไหลลื่นและรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในทุกๆเช้าผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีการดื่มเครื่องดื่มประเภทกาแฟเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามในคาเฟอีนนั้นไม่ได้มีเฉพาะเพียงแค่ในกาแฟเท่านั้นพ่อแม้แต่ชาวเขียวมัทฉะเองก็มี คาเฟอีนเป็นส่วนผสมเช่นเดียวกัน 

 อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการทำการวิจัยเกี่ยวกับคาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะด้วยผู้ที่ทำการวิจัยได้มีการออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับปริมาณคาเฟอีนที่อยู่ในชาเขียวมัทฉะนั้นว่าถ้าหากใครที่มีการกินชาเขียวมัทฉะเข้าไปเมื่อนำมาเปรียบเทียบคาเฟอีนกับกาแฟแล้วปรากฏว่ากาแฟในคาเฟอีนนั้นมีน้อยกว่าในชาเขียวมัทฉะเป็นอย่างมาก ดังนั้นสามารถกล่าวสรุปได้ว่าหากใครที่กินชาเขียวมัทฉะก็จะมีความรู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าได้นานกว่าการที่กินคาเฟอีนเลยทีเดียว 

 สำหรับการวิจัยที่มีการปรากฏออกมาและมีการถูกนำเสนอเป็นข่าวสารไปทั่วโลกนั้น  ถ่านเครื่องช่วยฟัง   มีการระบุว่าทางสถาบันการวิจัยได้มีการตรวจสอบสารคาเฟอีนทั้งในกาแฟและในชาเขียวมัทฉะในปริมาณที่เทียบเท่ากันโดยจะเห็นได้ว่าร่างกายนั้นสามารถดูดซึมคาเฟอีนในกาแฟโดยใช้ระยะเวลาเพียงประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น

แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเป็นการดูดคาเฟอีนจากชาเขียวมัทฉะนั้นจะใช้เวลานานมากกว่าดังนั้นเมื่อคาเฟอีนยังคงออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายนาน นาทีเท่านั้นแต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเป็นการดูดคาเฟอีนจากชาเขียวมัทฉะนั้นจะใช้เวลานานมากกว่าดังนั้นเมื่อคาเฟอีนยังคงออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายนาน  ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในการทำงานการสดชื่นก็จะ นานขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง 

  อย่างไรก็ตามสำหรับคาเฟอีนนั้นถ้าหากว่าเรากินในปริมาณที่พอเหมาะก็จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายได้แต่ถ้าหากว่าเรามีการกินคาเฟอีนมากจนเกินไปก็ก็อาจจะส่งผลเสียตามมาด้วยได้เช่นเดียวกันอย่างเช่นอาจจะทำให้เกิดอาการใจสั่นหรือปวดหัวรวมถึงคลื่นไส้ได้ด้วย 

ดังนั้นถ้าหากต้องการได้รับประโยชน์จากการกินคาเฟอีนเข้าไปแล้วล่ะก็ควรจะต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะเพราะมันจะไปช่วยการเผาผลาญพลังงานและไขมันนอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้สมองมีการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย 

ควรกังวลเกี่ยวกับการนอนหลับที่เพียงพอหรือไม่

ควรกังวลเกี่ยวกับการนอนหลับ  การนอนดึก การตื่นเช้า ฝันร้าย ความวิตกกังวล และยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถตัดสายตาของเราออกไปได้ สิ่งนี้คุกคามสุขภาพของเราเมื่อใด และเราจะทำอย่างไรกับมันในบรรดาสิ่งที่ต้องกังวลในชีวิต การนอนหลับอาจเป็นอันตรายที่สุด สิ่งที่คุณควบคุมได้โดยตรง (การดื่มเหล้า การบริโภค Twitter การออกกำลังกาย)

หรือคุณไม่สามารถควบคุมได้ (มลพิษ ผึ้งตาย ปัญญาประดิษฐ์ที่มุ่งร้าย) แต่การนอนหลับอยู่ตรงกลาง: แม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณให้ตัวเองเพียงพอแล้วจริงเหรอ? เป็นการเรียงลำดับที่ถูกต้องหรือไม่? และแน่นอนว่ายังมีความกังวลอยู่เสมอว่าความกังวลนั้นเป็นปัญหา – การเอาแต่เครียดกับการปิดตา ทำให้ปัญหาเหล่านี้แย่ลงหรือไม่

สำหรับขั้นแรกให้หายใจเข้าลึกๆ เริ่มต้นด้วยพื้นฐาน หากคุณไปไหนมาไหนได้ตั้งแต่เจ็ดถึงเก้าชั่วโมงต่อคืน คุณก็น่าจะสบายดี เจสัน คาร์เตอร์ คณบดีของ Robbins College of Health and Human Sciences แห่ง Baylor University กล่าวว่า “บางคนสามารถพักผ่อนได้เพียงแค่หกชั่วโมงต่อคืน หรืออาจมากถึง 10 ชั่วโมง

แต่โดยทั่วไปแล้วมักเป็นกรณีที่ร้ายแรงมาก” “ฉันจะเริ่มกังวลกับการนอนน้อยกว่าเจ็ดชั่วโมงต่อคืนอย่างสม่ำเสมอ และกังวลจริงๆ ถ้ามันลดลงเหลือหกหรือต่ำกว่านั้น” สำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ และมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ ของโลก อ้างอย่างภาคภูมิใจว่าพวกเขากำลังเผาน้ำมันเที่ยงคืนเพื่อให้พอดีกับความรับผิดชอบทั้งหมด

นั่นไม่ใช่ข่าวดี “จากการศึกษาเชิงประจักษ์หลายชิ้น แม้แต่คนที่นอนหลับสี่ชั่วโมงก็มีโอกาส ทำให้หลอดเลือดหัวใจและเมตาบอลิซึมของร่างกายเสียหาย” คาร์เตอร์กล่าว “นั่นอาจใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะแสดงออกมา แม้ว่าพวกมันจะทำงานได้ดีในแต่ละวันก็ตาม”

แต่สิ่งนี้เริ่มเป็นปัญหาเมื่อใด ท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนจำนวนมากมีงานวิ่งแปลกๆและมีภาระกิจในแต่ละวันที่มากรวมถึงการมีลูก และทำงานไปวันๆ

หรือบางครั้งเป็นเดือนโดยไม่ได้รับชั่วโมงประจำเลย “วันที่เกิดขึ้น นานๆ ครั้งไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล” กล่าว ดร. Marie-Pierre St-Onge ผู้อำนวยการ Center of Excellence for Sleep and Circadian Research ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย “นั่นคือสิ่งที่เราจะอธิบายว่าเป็นโรคนอนไม่หลับชั่วคราว

อาการนอนไม่หลับเรื้อรังเกิดขึ้นเมื่อคุณใช้เวลาสามเดือนขึ้นไปโดยไม่ได้นอนเป็นประจำ และนั่นเป็นช่วงที่ฉันเริ่มกังวล “คำจำกัดความที่มีประโยชน์อย่างหนึ่งของสุขภาพการนอนหลับโดยรวมคือกรอบการทำงาน RU-Sated ซึ่งประเมินมิติหลัก 6 มิติของการนอนหลับที่สัมพันธ์

กับผลลัพธ์ด้านสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ความสม่ำเสมอ ความพึงพอใจในการนอนหลับ ความตื่นตัวในช่วงเวลาตื่น เวลาการนอนหลับ ประสิทธิภาพการนอนหลับ และระยะเวลาการนอนหลับ”

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังศิริราช