โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections, STIs) เป็นกลุ่มของโรคที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ โดยมักเกิดจากเชื้อโรคที่ถูกแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน เชื้อโรคสามารถถ่ายทอดได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องปาก ช่องคลอด หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก รวมถึงการแบ่งปันเข้าใช้สิ่งของบุคคลอื่น ๆ เช่น การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่สะอาด หรือการใช้สารเสพติดที่ถูกแช่แข็งด้วยวิธีที่มีความเสี่ยง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รู้จักกันมากที่สุดได้แก่
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีโรคอะไรบ้าง
1.เอดส์ (AIDS) หรือโรคเอดส์ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส HIV
2.ซิฟิลิส (Syphilis)
3.กลูโกมา (Gonorrhea)
4.ติดเชื้อในท่อไต (Chlamydia)
5.ฮีอีวี (Herpes)
6.หูดทางท่อเชื้อ (Trichomoniasis)
7.ต่อมน้ำตาลสมอง (Genital Warts)
8.ไข้ต่ำกว่าหนึ่งวัน (One-day fever)
9.ไข้เลือดอุดมไข้ (Hemorrhagic fever)
10.โรคปากและคางที่เกิดจากไวรัสตระกูลเฮอร์เปส (Oral and facial diseases caused by herpesviruses)
11.โรคติดเชื้อในท่อน้ำดี (Urethritis)
สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหล่านี้ เราสามารถป้องกันได้ด้วยการใช้ชุดกันเปื้อน (condoms) ในทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อตรวจหาโรคและรับการรักษาที่เหมาะสมในกรณีที่ติดเชื้อไปแล้ว
การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เป็นเชื้อไวรัสอาจจะไม่สามารถรักษาหายได้ แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยการใช้ยาที่เหมาะสมและการดูแลสุขภาพที่ดี การป้องกันและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดโรคระหว่างบุคคลและลดการระบาดของโรคเหล่านี้ในสังคมได้ด้วยกัน
แนวทางการแก้ไข โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การแก้ไขโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีหลายแนวทางตามความรุนแรงของโรคและสถานการณ์ที่เจออยู่ แต่มีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
1.ป้องกันการติดเชื้อ: การป้องกันการติดเชื้อโรคต้องเน้นการใช้ชุดกันเปื้อน (condoms) ในทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการเลือกพันธุ์อวัยวะที่ปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ และการลดความเสี่ยงโดยการไม่มีพันธุ์อวัยวะหลายคน
2.การตรวจสุขภาพประจำ: การตรวจสุขภาพเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีพฤติกรรมเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ
3.การรับวัคซีน: สำหรับบางโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น ไวรัส HPV (ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก) และไวรัสตับอักเสบ B เป็นต้น การรับวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ
4.การรักษาโรค: ในกรณีที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว การรักษาควรเริ่มต้นโดยการพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม และป้องกันการแพร่กระจายของโรคต่อไป
5.การแถลงการณ์: การศึกษาและการแถลงการณ์เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในประชาชนเกี่ยวกับวิธีการป้องกัน การรับรู้อาการ และการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
6.การควบคุมและการจัดการโรค: การทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการแพทย์ องค์กรสาธารณสุข และชุมชน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค และให้การรักษาแก่บุคคลที่ติดเชื้ออย่างเหมาะสม
การแก้ไขโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต้องการการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ที่ต้องการรับการรักษา แพทย์ องค์กรสาธารณสุข และชุมชน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ ในสังคมได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม
ได้รับการสนับสนุนโดย Inspire คาสิโนเกาหลี